พระกริ่งปวเรศ
ในหนังสือตำนานพุทธเจดีย์ว่า พระกริ่งที่สร้างขึ้นทุกองค์เป็นพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตทั้งสิ้น และความเชื่อที่ว่าพระไภษัชยคุรุนั้น มีอำนาจพุทธานุภาพทำให้ผู้ที่บูชาหายจากความเจ็บป่วยไข้และพ้นภัยจากอันตรายทั้งปวง
พระกริ่งปวเรศ
มหาเศรษฐี สัมฤทธิ์เดช
แบบ A-1
เนื้อสัมฤทธิ์เดช คือสัมฤทธิ์ดำ หรือนวโลหะ เป็นทองสัมฤทธิ์ (เนื้อเก้า) มีสัดส่วนการผสมได้เกณฑ์ถูกต้องตามมูลสูตรมากที่สุด มีวรรณะจำปาแก่ หรือสีนากแก่ ผิวเนื้อเมื่อกลับคล้ำดำสนิทคล้ายนิลดำ เรียกกันว่า “สัมฤทธิ์เนื้อกลับ” โบราณถือ เป็นสัมฤทธิ์ที่สมบูรณ์ที่สุด หรือเป็นยอดของสัมฤทธิ์ อำนวยผลในด้านมหาอุตม์อันสูงส่ง คืออำนาจตะบะเดชะ มหานิยม ลาภผล ความสำเร็จ คงกระพัน แคล้วคลาด ทุกประการ มีอำนาจพุทธคุณด้านมหาอำนาจ โภคทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดและป้องกันภัยอันตรายตลอดจนบำบัดโรคภัยไข้เจ็บนานาชนิด
พระกริ่งปวเรศ
มหาเศรษฐี สัมฤทธิ์ผล
แบบ A-2
สัมฤทธิ์ผล คือสัมฤทธิ์แดง “สีแดง” หรือตรีโลหะ มีมงคลความหมายถึง พระรัตนตรัยเป็นทองสัมฤทธิ์เนื้อสาม ผสมด้วยโลหะธาตุ ๓ ชนิด คือ ทองแดง เป็นส่วนใหญ่และเจือด้วยเงินกับทองคำ สัมฤทธิ์ตระกูลนี้มีวรรณะแดงคล้ายนาก แต่มีผิวเจือด้วยวรรณะคล้ำๆ คล้ายสีมะขามเปียก โบราณถือว่าเป็นมงคลวัตถุ อำนวยผลนานาประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเมตตามหานิยม
พระกริ่งปวเรศ
บารมีแผ่ไพศาล สัมฤทธิ์เดช
แบบ B-1
พุทธคุณอันล้ำเลิศของพระกริ่งปวเรศฯ จะเป็นที่กล่าวขานกันมากในด้านการรักษา โรค เพราะคำว่า “พระไภษัชครุ” นั้นแปลว่าผู้เป็นเลิศทางรักษาโรค มีเรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระวนรัต (แดง) อาพาธเป็นโรคอหิวาต์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรม หลวงวชิรญาณวงศ์เสด็จไปทรงเยี่ยม และทรงนำพระกริ่งปวเรศฯ มาทำน้ำพระพุทธมนต์ ให้ฉันปรากฏว่าสมเด็จพระวนรัตมีอาการดีขึ้นๆ และหายเป็นปกติในที่สุดอาจด้วย มูลเหตุนี้เอง ทำให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชแพ แห่งวัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งประทับอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเกิดความสนพระทัย
พระกริ่งปวเรศ
บารมีแผ่ไพศาล สัมฤทธิ์ผล
แบบ B-2
การสร้างพระกริ่งที่เป็นพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตขนาดเล็กขึ้นเพื่ออาศัยบารมีของพระไภษัชยคุรุนี้ ช่วยขจัดภยันตรายต่างๆและให้ผู้ที่พกพาติดตัวระหว่างเดินทางปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงจากที่พกติดตัว จึงเป็นมูลเหตุที่สำคัญในการนับถือพระกริ่งเป็นเสมือนเครื่องรางและนำติดตัว
พระกริ่งปวเรศ
สมบูรณ์พูนสุข สัมฤทธิ์เดช
แบบ C-1
“พระกริ่งปวเรศ เนื้อนวโลหะผิวกลับดำ เมื่อขัดเนื้อในจะเป็นสีจำปาเทศ และเมื่อทิ้งไว้ถูกกับอากาศจะกลับดำอีกครั้งหนึ่งในเวลาไม่นาน (เนื้อนวโลหะ ประกอบไปด้วย โลหะ 9 อย่างได้แก่ ทองคำ เงิน ทองแดง จ้าวน้ำเงิน(พลวง) เหล็กละลายตัว ชิน(ตะกั่ว+ดีบุก) ตะกั่วน้ำนม ปรอท สังกะสี”
พระกริ่งปวเรศ
สมบูรณ์พูนสุข สัมฤทธิ์ผล
แบบ C-2
สำหรับความเชื่อในเรื่อง เครื่องราง ของคนไทย มีมาแต่ครั้งโบราณ ดังจะเห็นได้ในวรรณกรรมที่มีการกล่าวถึงอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะ เครื่องราง ที่นักรบใช้ติดตัวในยามออกศึกสงคราม เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ห้าวหาญไม่เกรงกลัวข้าศึก โดยเชื่อกันว่า เครื่องราง ที่สร้างขึ้นด้วยวิชาไสยศาสตร์ชั้นสูง โดยพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมอันเข้มขลัง จะสามารถช่วยคุ้มครองป้องกันภัยรอบตัวได้เป็นอย่างดี
พระกริ่งปวเรศ
มหาบารมี สัมฤทธิ์เดช
แบบ D
ท่านอาจารย์ตรียัมปวาย ได้กล่าวถึงเรื่องพระกริ่งปวเรศไว้ดังนี้ “พระกริ่งปวเรศที่คนโบราณเขานิยมกันนั้น มีอยู่เนื้อเดียว คือเนื้อนวโลหะผิวกลับดำ เมื่อขัดเนื้อในจะเป็นสีจำปาเทศ และเมื่อทิ้งไว้ถูกกับอากาศจะกลับดำอีกครั้งหนึ่งในเวลาไม่นาน
พระกริ่งปวเรศ (น้อย)
เนื้อโลหะทอง (พิมพ์เล็ก)
แบบ E
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 13 เคยมีดำรัสถึงเรื่องพระกริ่งปวเรศนี้ว่า ตำราการสร้างพระกริ่งและตำรามงคลโลหะ ที่มีมาแต่โบราณสืบค้นได้ถึงสมัยสมเด็จพระพนรัตนวัดป่าแก้ว