บันทึกตำนานโดย “ตรียัมปวาย”
จากหนังสือ “พระสมเด็จฯ ตำราพิจารณาพระสมเด็จฯ เล่มแรกของประเทศไทย”
*******************************
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่
ธรรมชาติเก่าเก็บ
แบบ W1
*******************************
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่
เนื้อหนึกนุ่ม
แบบ V1
หน้า ๓๙๕ กล่าวถึง ความนุ่ม (Softmess) เป็นลักษณะของมูลฐานสำคัญประการหนึ่ง ความนุ่มทางทรรศนียะหมายถึงลักษณะความนุ่มนวลของเนื้อ ซึ่งจะปรากฎให้สัมผัสได้โดยแน่ชัดเพระะฉาบคลุมผิวเนื้อภายนอกของพระ (ส่วนภายในเป็นโครงสร้างหรือความแกร่งของเนื้อ)
*******************************
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่
กรอบกระจก
รหัส V2
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ลงรักน้ำเกลี้ยง
แบบ M1
ในหน้า ๔๐๖ กล่าวถึง รักเก่าน้ำเกลี้ยง เป็นรักเก่าดั้งเดิม ซึ่งเข้าใจว่าเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ลงไว้ตั้งแต่สมัยการสร้าง เนื้อรักมีสัณฐานเป็นแผ่นบางๆ ลักษณะแห้งเกราะ หรือ หลุดร่วนหมดยางเหนียวมีวรรณะดำแกมเลือดหมู แต่เป็นวรรณะแห้งซีด ไม่สดใส เนื่องจากความเหนียวแน่นมีน้อยมาแต่เดิมและสัณฐานบาง รวมทั้งมีอายุเก่าแก่จึงอาจหลุดลุ่ยออกมาจากผิวเนื้อเป็นหย่อมๆ รักชนิดนี้ไม่ทำให้เกิดการแตกลายงา
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์พระประธาน
ลงรักน้ำเกลี้ยง
แบบ M2
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ลงรักปิดทอง
แบบพิเศษ M3
หน้า ๔๕๙ กล่าวถึง “การลงรักทองเก่า” ซึ่งหมายถึงเป็นการปฎิบัติต่อพระในระยะแรกๆ เมื่อสร้างเสร็จ และเมื่อเนื้อรักบางๆ ที่ฉาบเนื้อพระได้ล่อนหลุดออกจากผิวเนื้อไปแล้ว ถ้าหากว่าเป็นประเภทเนื้อหนึกนุ่ม เนื้อก็จะดูดเอาวรรณะของรักซาบซึมลงไปใต้ผิวเนื้อด้วย ทำให้วรรณะของพระหม่นคล้ำจัดขึ้น และนอกจากนั้นเศษรักเก่าทองเก่ายังติดอยู่ตามซอก ทำให้วรรณะของพระเด่นงามขึ้นอีกเป็นอันมาก
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
(แสตมป์)
แบบพิเศษ M4
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
เสี่ยหน่ำ
แบบพิเศษ M5
*******************************
*******************************
พระสมเด็จฯ
ผ้ารองอาสนะ
แบบพิเศษ M7
หน้า ๔๖๔ กล่าวถีง สีน้ำนม (ชีระวรรณะ-Neutral white) เป็นวรรณะที่ขาวข้นคล้ายสีน้ำนม หรือสีปูนขาวนั่นเอง จัดว่าเป็นวรรณะที่ขาวจัดที่สุด เป็นวรรณะสำหรับเนื้อปูนเเกร่ง ซึ่งมีผิวหนาเป็นส่วนใหญ่ และปรากฏบ้างสำหรับเนื้อขนมตุ้บตั้บและเนื้อปูนนุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเนื้อปูนแกร่งที่ผ่านสัมผัสในการใช้พอสมควรแล้ว วรรณะจะขาววับ เเละเกิดเงาสว่างอย่างจัด อุปมาดังเนื้อกระเบื้องพอร์ชเลน
หน้า ๓๙๕ กล่าวถึง ความนุ่ม (Softmess) เป็นลักษณะของมูลฐานสำคัญประการหนึ่ง ความนุ่มทางทรรศนียะหมายถึงลักษณะความนุ่มนวลของเนื้อ ซึ่งจะปรากฎให้สัมผัสได้โดยแน่ชัดเพระะฉาบคลุมผิวเนื้อภายนอกของพระ (ส่วนภายในเป็นโครงสร้างหรือความแกร่งของเนื้อ)
*******************************
พระสมเด็จฯ
องค์น้ำบุศก์
แบบพิเศษ M8
หน้า ๔๖๖ กล่าวถึงสีพิกุลแห้ง (เมจกวรรณะ-Burnt siena white) เป็นวรรณะที่กระเดียดมาทางน้ำตาลคล้ำอ่อน เจือด้วยวรรณะมอนวล จัดว่าเป็นวรรณะที่หม่นคล้ำจัดที่สุด และส่วนมากเป็นวรรณะสำหรับเนื้อกระยาสารท ถ้าเป็นของวัดระฆังฯ จะมีผิวแป้งโรยพิมพ์นวลเป็นฝ้าบางๆ จับอยู่ภายนอก และไม่สู้แกร่งนัก
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
แตกลายงา อกกระบอก
แบบพิเศษ M 9
หน้า ๔๑๓ กล่าวถึง การแตกลายสังคโลก เกิดจากการยุบตัวแห้งสนิทของเนื้อแต่ประการเดียว เป็นปฎิกริยาอันเกิดจากความแกร่งตัวของปูนขาวในเนื้อ ซึ่งแต่ก่อนถึงกับแตกรานเสียหาย ครั้นเมื่อได้ผสมน้ำมันตังอิวลงไปจึงช่วยคงสภาพไว้ได้ แต่ยังปรากฏปฏิกิริยาหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อยคือการแตกสลายสังคโลกนี้ ส่วนมากจะเป็นประเภทเนื้อหนึกแกร่ง เพราะการยุบตัวของปูนของมีมาก ประเภทเนื้อหนึกแกร่งจะกลายเป็นสังคโลกเป็นตารางหรือเกล็ดขนาดย่อมๆ ลักษณะคล้ายตารางสี่เหลี่ยมร่องเลขาค่อนข้างลึก การแตกลายสังคโลกคงปรากฏเฉพาะทางด้านหน้าเช่นเดียวกับการแตกลายงาเพราะเกิดจากปฏิกิริยาภายใน เนื่องจากการยุบตัวของเนื้อและสัณฐานลักษณะของด้านหน้าเช่นเดียวกัน
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ กรุเก่า
เส้นผ้าทิพย์
แบบ P 1
หน้า ๑๖๓-๑๖๔ กล่าวถึง การตกพระสมเด็จฯ กรุบางขุนพรหม ครั้งใหญ่ พ.ศ.๒๔๓๖ (ร.ศ.๑๑๖ ) หลวงศรีสารบาญ กล่าวว่า : ” ในการตกครั้งนั้นเนื่องจากมีการตื่นตัวกันมากในกรณีที่ฝรั่งเศสรุกรานเมืองไทย คาดกันว่าสงครามระหว่างไทยกับฝรั่งเศสคงจะเกิดขึ้นแน่ ประชาชนคนไทยมีความแค้นเคืองฝรั่งเศสเป็นอย่างยิ่ง ต่างเตรียมตัวพร้อมที่จะอาสาสมัครเข้าทำการสู้รบกับศัตรู และต่างก็มาที่วัดใหม่บางขุนพรหม เพื่อตกพระสมเด็จเอาไปปกป้องคุ้มครองตัว” ในตอนนั้นพระอักษรสมบัติ (เสมียนตราเปล่ง) เป็นผู้ควบคุมการตกเป็นผู้ใหญ่ที่มีคนนับถือกันมากในย่านนั้น คนของคุณพระเมื่อตกพระสมเด็จฯ ได้ก็พากันเอามาแบ่งให้คุณพระเสมอ จนจัดได้ว่าพระอักษรสมบัติมีพระสมเด็จฯ ที่ตกได้ในครั้งนั้นมากที่สุด กล่าวกันว่าไม่ต่ำกว่า ๕๐๐ องค์
หน้า ๒๔๘ – ๒๕๐ กล่าวถึง การจำแนกพิมพ์ แบบพิมพ์เขื่อง เป็นแบบพิมพ์ที่ได้พุทธลักษณะงดงามยิ่งกว่าแบบอื่นๆ แบบพระอาสนะ ส่วนมากเป็นแบบธรรมดา ลักษณะโปร่งๆและสัดส่วนงามๆ สำหรับแบบแซมมีปรากฏน้อย ลักษณะชัดเจนแน่นหนา มีเส้นขึดแซมที่ช่วยเปลี่ยนจังหวะลีลาให้สลับกันด้วยเส้นหนาและบางสลับกันงดงาม ส่วนแบบโค้งปรากฎน้อยและงดงามในลักษณะความประสานของแนวฐานที่วาดโค้งรับกับแนวพระเพลาเป็นชั้นๆ ลงมา
หน้า ๓๒๔ กล่าวถึง รูพรุนปลายเข็ม มีลักษณะเป็นรูเล็กๆ ขนาดปลายเข็ม อาจปรากฏอยู่โดยทั่วไปตลอดด้านหลังโดยไม่จำกัดบริเวณ เกิดมากบ้างน้อยบ้างต่างๆกันไปเป็นบางองค์และจะปรากฏเป็นกลุ่มหรือหย่อมๆ ชัดเจนบ้างหรือรางเลือนไปบ้าง จัดว่าเป็นริ้วรอยธรรมชาติที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างปูนขาวอันเป็นมวลสารเนื้อหาส่วนใหญ่ของเนื้อพระกับน้ำในกรรมวิธีการสร้าง
*******************************
พระสมเด็จฯ กรุเก่า พิมพ์ใหญ่
อกวี /อกผาย/อกกึ่งผาย
แบบ P 2
หน้า ๒๔๒-๒๔๓ กล่าวถึง ลำพระองค์ มีปรากฎ 3 แบบ ดังนี้
- แบบผาย – พระอุระผายกว้างผงาดงาม ยอดพระอุระผายและวาดเว้ากับซอกพระกัจฉะ(รักแร้)ทั้งสอง พระกฤษฎีคอดเล็กน้อยและกลมกลึงลงมาเบื้องล่าง พระอุทรส่วนล่างผายลงเบื้องล่างน้อยๆ
- แบบกึ่งผาย – คล้ายแบบผาย แต่ย่อมเยากว่า และแสดงลักษณะวาดเว้าของแนวของกายวิภาคด้านข้างน้อยกว่า โดยเฉพาะรายละเอียดบนลำพระองค์ไม่ได้แสดงให้เด่นชัด
- แบบตัววี – ช่วงพระอุระกว้างวาดสอบลงมาเป็นพระกฤษฏี (เอว) และพระอุทร (ท้อง) ไม่แสดงการผายออกทางข้าง ดังนั้น ทรวดทรงจึงมีลักษณะรูปตัว V อาจชะลูดหรือป้อมต่างๆ กันบ้างเล็กๆ น้อย ๆ ในแบบพิมพ์ที่แสดงส่วนโค้งนูนน้อยกว่าแบบพิมพ์อื่นๆ
*************
ตีโจทย์พระให้แตก ด้วยการใช้ประสบการณ์ และปัญญา
ก็อาจได้พระที่ใครๆว่าสูงเกินจะไขว่คว้า…มาเป็นเจ้าของได้ โดยไม่ต้องใช้เงินแบบเจ้าสัว
ตาดี มีศรัทธา พระแท้ ทันยุคฯ จะมาโปรดถึงมือคุณ
*************
“โครงการ 1 ทุน 1 องค์ 1 พัน”
“ทำบุญ 1,000 บาท”
รับพระสมเด็จฯ 1 องค์
ร่วมมอบทุนการศึกษาให้แก่ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม และสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ฯ
ภายในวันมาฆะบูชา ๖ มีนาคม ๒๕๖๖ นี้เท่านั้น หรือ จนกว่าพระที่มีอยู่จะหมดไป
**************************
- แอดไลน์: @postchong.org
- โทร: 090-889-2520 หรือ 02-853-3818
- Facebook: สมเด็จวัดระฆัง ตามบันทึก “ตรียัมปวาย”
ช่องทางการชำระเงิน
- โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี มูลนิธิโพชฌงค์ธรรมสถาน ธนาคารกรุงไทย สาขาบิ๊กซี สายไหม
เลขบัญชีเลขที่ 982-9-99832-0
– แจ้งชื่อ และ ที่อยู่พร้อมส่งสำเนาใบฝากเงินธนาคารทาง
– มูลนิธิฯจะได้จัดส่งพระสมเด็จไปยังท่านภายใน ๓ วัน
หมายเหตุ : ค่าวัสดุภัณ์ พร้อมส่ง 100 บาท หรือ มารับด้วยตนเอง ณ ที่ทำการมูลนิธิฯ
- เก็บเงินปลายทาง
– แจ้งแบบพระ พร้อมชื่อ และที่อยู่ของท่าน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานบริหารมูลนิธิฯ โทร. 02-8533818 หรือ 090-8892520
หมายเหตุ พระสมเด็จฯแต่ละแบบจะมีจำนวนแบบละหลายๆองค์ สภาพพระไม่ผ่านการใช้ทุกองค์แต่ละองค์จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสภาพกาลเวลาและสิ่งแวดล้อมฯ
– หากพิจารณาดูแล้วภายใน 3 วันหลังจากรับพัสดุ และมีความประสงค์จะส่งกลับคืน ทางมูลนิธิฯจะโอนเงินค่าพระคืนให้ (ไม่รวมค่าจัดส่ง)
อ้างอิงจากหนังสือสมเด็จฯ ตำราพิจารณาพระสมเด็จฯ โดย ตรียัมปวาย หน้า ๑๖๓, ๑๖๔, ๒๔๒, ๒๔๓,๒๔๘, ๒๕๐,๓๒๔
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ด้านหลังธรรมชาติความเก่า หลังกระดาน
แบบพิเศษ S1
หน้า ๓๙๕ กล่าวถึง ความนุ่ม (Softmess) เป็นลักษณะของมูลฐานสำคัญประการหนึ่ง ความนุ่มทางทรรศนียะหมายถึงลักษณะความนุ่มนวลของเนื้อ ซึ่งจะปรากฎให้สัมผัสได้โดยแน่ชัดเพระะฉาบคลุมผิวเนื้อภายนอกของพระ (ส่วนภายในเป็นโครงสร้างหรือความแกร่งของเนื้อ)
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯหลังธรรมชาติความเก่า (หลังกระดาน) แบบ S 1
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ด้านหลังธรรมชาติความเก่า หลังกระดาน (เนื้อแกร่ง)
แบบพิเศษ S1.1
หน้า ๓๙๗ กล่าวถึง ความแกร่ง (Rigidity) เป็นคุณสมบัติของเนื้อที่มิได้ขัดเเย้งกับความนุ่ม ทั้งนี้ เพราะความนุ่มเเสดงตัวให้ปรากฎบริเวณผิวเนื้อภายนอก ส่วนความแกร่งนั้นแฝงอยู่ภายในโครงสร้างของเนื้อ เป็นคุณสมบัติการเกาะกุมโยงยึดกันระหว่างอณูของเนื้อ (Strange) นั่นเอง แต่เนื้อที่มีความแกร่งจัด เช่น เนื้อปูนแกร่ง ก็จะปรากฏความแกร่งครอบคลุมออกมาถึงผิวเนื้อภายนอกด้วย ทำให้เนื้อมีความทนทานต่อภาวะการกัดกร่อนอากาศและสิ่งเเวดล้อมอื่นได้ดีมาก
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯหลังธรรมชาติความเก่า หลังกระดาน (เนื้อแกร่ง) แบบ S 1.1
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ด้านหลังธรรมชาติความเก่า (รอยริ้วระแหง)
แบบพิเศษ S2
หน้า ๓๒๗ กล่าวถึง รอยริ้วระแหง มีลักษณะเป็นแนวแตกระแหงของเนื้อเช่นเดียวกับการแตกระแหงของผืนนาในฤดูร้อน ริ้วระแหงเหล่านี้เป็นแนวเส้นที่ค่อนข้างละเอียดทีเดียว แต่ความละเอียดมากน้อยย่อมแตกต่างกันไปบ้าง บางทีมีสัณฐานขนาดเส้นผมเล็กๆ หรือบางทีก็มีริ้วรอยอ้าเล็กน้อย ส่วนลีลาเรขาของรอยริ้วเหล่านี้ไม่อาจกำหนดได้ว่ามีลักษณะใด คงขยุกขยิกไปมาตามลักษณะอันเป็นธรรมชาติ ตลอดจนความสั้นยาวของช่วงก็เช่นเดียวกัน มีปรากฏสั้นๆบ้างหรือค่อนข้างยาวคดเคี้ยวไปมาบ้าง ริ้วรอยธรรมชาติลักษณะนี้เกิดจากกรรมวิธีการสร้างเช่นเดียวกัน
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯหลังธรรมชาติความเก่า (รอยริ้วระแหง) แบบ S 2
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ด้านหลังธรรมชาติความเก่า รอยริ้วระแหง (เนื้อแกร่ง)
แบบพิเศษ S 2.1
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯหลังธรรมชาติความเก่า รอยริ้วระแหง (เนื้อแกร่ง) แบบ S 2.1
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
เกศจรดซุ้ม
แบบพิเศษ S3
ด้านหน้าองค์พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เกศจรดซุ้ม แบบ S 3
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เกศจรดซุ้ม แบบ S 3
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
เกศทะลุซุ้ม
แบบพิเศษ S4
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เกศทะลุซุ้ม แบบ S 4
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ด้านหลังธรรมชาติความเก่า (รอยกาบหมาก)
แบบพิเศษ S5
หน้า ๓๒๖ กล่าวถึง รอยกาบหมาก มีลักษณะเป็นริ้วรอยธรรมชาติคล้ายคลึงกับรอยย่นตะไคร่น้ำ แต่สัณฐานของริ้วและร่องรางของริ้วมีความหนาและลึกกว่าเล็กน้อย คล้ายรอยกาบหมากจริงๆ มีปรากฎทั้งรอยทางดิ่งและรอยทางขวาง สันนิษฐานว่าเกิดจากกรรมวิธีการสร้างขณะที่ถอดพระออกจากแม่พิมพ์และตัดกรอบแล้ว คงจะได้วางพระไว้บนแผ่นกาบหมากเพื่อผึ่งลมให้แห้ง เนื้อที่ยังหมาดๆอยู่จึงได้ถอดประทับริ้วรอยของกาบหมากเข้าไว้
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯหลังธรรมชาติความเก่า (รอยกาบหมาก) แบบ S 5
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ด้านหลังธรรมชาติความเก่า (หลังสังขยา)
แบบพิเศษ S6
หน้า ๓๒๖ กล่าวถึง รอยสังขยา เป็นลักษณะด้านหลังอีกแบบหนึ่งซึ่งมีปรากฏน้อย มีสัณฐานลักษณะเป็นวงๆ ซึ่งมีเส้นรอบวงหยักคดเคี้ยวไปตามธรรมชาติ ปรากฏตอนบริเวณย่านกลางๆ ของพื้นที่ด้านหลัง บริเวณนั้นเป็นราบเรียบ กอปรด้วยริ้วรอยย่นซ้อนกันของเนื้อ กระจายแผ่ออกไปเป็นวงซ้อนๆ กัน คล้ายกับผิวน้ำเป็นพลิ้วระลอกวงกลมกระจายออกจากส่วนกลาง เมื่อเราทิ้งก้อนหินลงไป ฉะนั้น วงของของริ้วรอยของแต่ละชั้น อาจประกอบด้วย ริ้วระแหงอันละเอียด รอยย่นตะไคร่น้ำ และรูพรุนปลายเข็ม
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯหลังธรรมชาติความเก่า (หลังสังขยา) แบบ S 6
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ด้านหลังธรรมชาติความเก่า (หลังร่องสวน)
แบบพิเศษ S7
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯหลังธรรมชาติความเก่า (หลังร่องสวน ) แบบ S 7
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
(เส้นผ้าทิพย์) หลังรอยหนอนด้น
แบบพิเศษ S8
หน้า ๓๒๕ กล่าวถึง รอยหนอนด้น ลักษณะโดยทั่วไปทำนองเดียวกับรอยปูไต่นั่นเอง แต่แทนที่จะเป็นรอยคู่ กลับเป็นรอยเดี่ยว มีขนาดสัณฐานกว้างและลึกกว่ารอยปูไต่เล็กน้อย และมีลีลาเป็นแนวทางเดินเช่นเดียวกัน บางองค์จะปรากฎเป็นแนวทางโค้งๆ จัดว่าเป็นริ้วรอยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในขณะที่เนื้อยังเหลวเช่นเดียวกัน ซึ่งยังพิจารณาหาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร มีปรากฎน้อยองค์และสามารถใช้เป็นข้อตัดสินในความเป็นของแท้ได้
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯหลังธรรมชาติความเก่า (หลังเรียบ) รอยหนอนด้น แบบ S 8
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ด้านหลังธรรมชาติความเก่า หลังกระดาน (แนวตั้ง)
แบบพิเศษ S8.1
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯหลังธรรมชาติความเก่า หลังกระดาน (แนวตั้ง) แบบ S 8.1
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ กรุเก่า
เส้นแซม
หน้า ๒๔๘ – ๒๕๐ กล่าวถึง การจำแนกพิมพ์ แบบพิมพ์เขื่อง เป็นแบบพิมพ์ที่ได้พุทธลักษณะงดงามยิ่งกว่าแบบอื่นๆ แบบพระอาสนะ ส่วนมากเป็นแบบธรรมดา ลักษณะโปร่งๆและสัดส่วนงามๆ สำหรับแบบแซมมีปรากฏน้อย ลักษณะชัดเจนแน่นหนา มีเส้นขึดแซมที่ช่วยเปลี่ยนจังหวะลีลาให้สลับกันด้วยเส้นหนาและบางสลับกันงดงาม ส่วนแบบโค้งปรากฎน้อยและงดงามในลักษณะความประสานของแนวฐานที่วาดโค้งรับกับแนวพระเพลาเป็นชั้นๆ ลงมา
แบบพิเศษ S9
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ฐานแซม ผงพุทธคุณ
แบบพิเศษ S10
หน้า ๔๖๔ กล่าวถีง สีน้ำนม (ชีระวรรณะ-Neutral white) เป็นวรรณะที่ขาวข้นคล้ายสีน้ำนม หรือสีปูนขาวนั่นเอง จัดว่าเป็นวรรณะที่ขาวจัดที่สุด เป็นวรรณะสำหรับเนื้อปูนเเกร่ง ซึ่งมีผิวหนาเป็นส่วนใหญ่ และปรากฏบ้างสำหรับเนื้อขนมตุ้บตั้บและเนื้อปูนนุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเนื้อปูนแกร่งที่ผ่านสัมผัสในการใช้พอสมควรแล้ว วรรณะจะขาววับ เเละเกิดเงาสว่างอย่างจัด อุปมาดังเนื้อกระเบื้องพอร์ชเลน
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯฐานแซม ผงพุทธคุณ แบบ S 10
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ฐานแซม เนื้อสีพิกุลแห้ง
แบบพิเศษ S 11
หน้า ๔๖๖ กล่าวถึงสีพิกุลแห้ง (เมจกวรรณะ-Burnt siena white) เป็นวรรณะที่กระเดียดมาทางน้ำตาลคล้ำอ่อน เจือด้วยวรรณะมอนวล จัดว่าเป็นวรรณะที่หม่นคล้ำจัดที่สุด และส่วนมากเป็นวรรณะสำหรับเนื้อกระยาสารท ถ้าเป็นของวัดระฆังฯ จะมีผิวแป้งโรยพิมพ์นวลเป็นฝ้าบางๆ จับอยู่ภายนอก และไม่สู้แกร่งนัก แต่ถ้าเป็นของบางขุนพรหมวรรณะอันนี้ก็จะเป็นวรรณะของคราบกรุ เเละจะมีผิวค่อนข้างแกร่ง แต่ไม่สู้จะหนานักทั้งมักจะมี เมล็ดแร่ ประปรายบริเวณเนื้อผิว
ด้านหลังองค์พระแบบฐานแซม สีพิกุลแห้ง S 11
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
หลังรอยนิ้วมือ
แบบพิเศษ S 12
หน้า ๓๒๗ รอยลายนิ้วมือ เป็นร่องรอยของลายนิ้วหัวแม่มือของผู้พิมพ์พระในกรรมวิธีการสร้างนั่นเอง เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปสำหรับพระเครื่องฯโบราณต่างๆ เช่น พระผงสุพรรณ และพระนางพญา เป็นต้น ลายนิ้วมือจึงแทบไม่ปรากฏเลย นอกจากจะเป็นองค์ที่มีเนื้อหมาดในขณะการสร้าง และได้มีการกดประทับหัวแม่มืออย่างหนักแน่นทีเดียว

ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯ เป็นรอยนิ้วมือประทับอยู่ แบบ S12
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
เนื้อก้นครก
แบบพิเศษ S13
หน้า ๔๒๖ เนื้อขนมตุ้บตั้บ ความหมายของนามเนื้อประเภทนี้ คงทำนองเดียวกับเนื้อกระยาสารท คือ หมายถึงเนื้อที่มีมวลสารค่อนข้างหยาบหรือคลุกเคล้ากันในลักษณะหยาบๆ ไม่สมัครสมานเข้ากันสนิท ทำให้เห็นลักษณะของเนื้อมีวัสดุุหลายอย่างรวมกันอยู่เป็นหย่อมๆ ทำนองเดียวกับขนมตุ้บตัับซึ่งมีเนื้อหยาบเคล้าคละกัน ฉะนั้น จึงเรียกว่า “เนื้อขนมตุ้บตั้บ”

ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯ เนื้อก้นครก แบบ S 13
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ทรงไกเซอร์
ทรงเศียรบาตรอกครุฑ
แบบพิเศษ S14
หน้า ๑๕๐ พิมพ์ทรงเศียรบาตรอกครุฑ (พิมพ์ทรงไกเซอร์) เชื่อกันว่า พิมพ์ทรงนี้เป็นพิมพ์ทรงดั้งเดิมแบบกรอบสี่เหลี่ยมทีเดียว ซึ่งเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็นผู้แกะแม่พิมพ์ด้วยตัวท่านเอง สังเกตได้ชัดว่าเป็นพิมพ์ทรงที่องค์พระปฏิมามีลักษณะโบราณและสมถะ เช่นเดียวกับองค์เจ้าพระคุณสมเด็จฯ
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯไกเซอร์ ลงรัก แบบ S 14
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ทรงไกเซอร์
พิมพ์คะแนน
แบบพิเศษ S15
หน้า ๑๕๑ พระอาจารย์ขวัญ กล่าวว่า การที่พิมพ์ทรงนี้จะได้รับฉายาว่า “พิมพ์ทรงไกเซอร์” นั้น ท่านได้รับทราบจากพระธรรมถาวร อาจารย์ของท่านว่า:–เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก ได้ทรงอาราธนาพระสมเด็จฯ ติดพระองค์ไปด้วย ในวันหนึ่งขณะที่ทรงประทับอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าวิลเลี่ยม ไกเซอร์ ในประเทศเยอรมัน พระเจ้ากรุงเยอรมันทรงทอดพระเนตรรัศมีสีนวลฉายออกมาจากกระเป๋าฉลองพระองค์ของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง
พระสมเด็จฯ ที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ถวายเป็นการส่วนพระองค์ของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงนั้นเป็นพระสมเด็จฯ พิมพ์ทรงเศียรบาตรอกครุฑ ซึ่งพระองค์ทรงอาราธนาติดพระองค์อยู่เสมอ
ด้านหลังองค์พระสมเด็จฯไกเซอร์ พิมพ์คะแนน แบบ S 15
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
แตกลายงา หลังเรียบ
แบบพิเศษ S 16
หน้า ๑๒๔ กล่าวถึง รูพรุนปลายเข็ม มีลักษณะเป็นรูเล็กๆ ขนาดปลายเข็ม อาจปรากฏอยู่โดยทั่วไปตลิดด้านหลังโดยไม่จำกัดบริเวณ เกิดมากบ้างน้อยบ้างต่างๆกันไปเป็นบางองค์และจะปรากฏเป็นกลุ่มหรือหย่อมๆ ชัดเจนบ้างหรือรางเลือนไปบ้าง จัดว่าเป็นริ้วรอยธรรมชาติที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างปูนขาวอันเป็นมวลสารเนื้อหาส่วนใหญ่ของเนื้อพระกับน้ำในคุลีกรรมการสร้าง

ด้านหลัง พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ แตกลายงา หลังเรียบ แบบพิเศษ S 16
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
หลังฟองเต้าหู้
แบบพิเศษ S 16.1
หน้า ๓๒๕ กล่าวถึง รอยย่นตะไคร่น้ำ หรือ ฟองเต้าหู้ เป็นรอยย่นของผิวเนื้อโดยทั่วไปตลอดด้านหลัง หรือเป็นบางตอน ทำให้ด้านหลังพระไม่ราบเรียบทีเดียว แต่มีลักษณะเป็นริ้วๆคล้ายรอยย่นของผิวตะไคร่น้ำที่ละเอียด และบางตอนจะเป็นวงๆ ขนาดย่อมเยามากกอปรด้วยแอ่งรูพรุนปลายเข็มตรงกลาง ซึ่งเรียกว่า “ฟองเต้าหู้” สลับกันไป ริ้วรอยเหล่านี้ค่อนข้างละเอียดและตื้น
ด้านหลัง พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ หลังฟองเต้าหู้ แบบพิเศษ S 16.1
*******************************
อ้างอิงจากหนังสือสมเด็จฯ ตำราพิจารณาพระสมเด็จฯ โดย ตรียัมปวาย หน้า ๑๕๐, ๑๕๑, ๓๒๗, ๑๗๒,๔๒๔, ๔๒๖,๕๙๖,๕๙๗
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ปิดทองลงกรุ
แบบ A-1
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ ปิดทองลงกรุ A-1
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ ปิดทองลงกรุ A-1
*******************************
หน้า ๑๖๑ พระเทพญาณเวที เล่าตามที่ได้รับความรู้จาก พระธรรมถาวร ว่า : “เจ้าพระคุณสมเด็จฯ รับเป็นภาระปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ วัดใหม่อมตรส ขณะปฏิสังขรณ์นั้นเจ้าพระคุณสมเด็จฯมาจำวัดที่วัดใหม่อมตรส แล้วนำเอาพระสมเด็จจากวัดระฆังฯ มา ๔ บาตร ประดิษฐานไว้บนเพดานพระอุโบสถที่ปฏิสังขรณ์นั้น และในระหว่างนั้น เจ้ากรมท่าซ้ายได้ขอแม่พิมพ์พระสมเด็จฯ เพื่อจะเอาไปสร้างพระ บรรจุไว้ในพระเจดีย์วัดใหม่อมตรสนี้”
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
(ลุงพุฒิ) ปิดทองลงกรุ
แบบ A-2
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ (ลุงพุฒิ) ปิดทองลงกรุ A-2
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ ลุงพุฒิ) ปิดทองลงกรุ A-2
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ลงรักปิดทองโบราณ
แบบ A 3
หน้า 406 กล่าวถึง “แผ่นทองคำเปลว“ ที่ติดองค์พระค่อนข้างจะบริสุทธิ์ แม้อายุกว่าร้อยปี สีทองคำยังเหลืองอร่าม ดูงดงามมาก ถึงแม้ว่าจะมีรอยเหี่ยวย่นและรอยปริแตก สีก็ยังสดใสสวยงามมาก แต่ถ้าส่วนผสมของทองคำเปลวไม่บริสุทธิ์ผสมด้วยตะกั่วเมื่อเวลาผ่านไปก็จะหมองคล้ำลงจนเกือบดำเห็นเป็นประกายสีทองคำเล็กน้อยเท่านั้น
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
(อกวี) เนื้อผงใบลานเผา (สมเด็จดำ)
แบบ B-1
หน้า ๑๔๕ เนื้อผงใบลานเผา (ดำ) เนื้อชนิดนี้เท่าที่สืบทราบไว้ คือ พระอาจารย์ขวัญ กล่าวว่าได้ทราบจากพระธรรมถาวร อาจารย์ของท่านว่าเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้เคยสร้างพระสมเเด็จฯ เนื้อชนิดนี้เหมือนกัน แต่มีจำนวนน้อยมาก ทั้งนี้เพราะเป็นการสิ้นเปลืองผงใบลานมาก โดยปกติแล้วเจ้าพระคุณสมเด็จฯ จะใช้ผงใบลานเผา ซึ่งเกิดจากการเผาแผ่นใบลานที่ท่านได้จารอักขระและสูตรทางพุทธมนต์เจือผสมกับเนื้อขาวธรรมดาเท่านั้น
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานเผา (สมเด็จดำ) B-1
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานเผา (สมเด็จดำ) B-1
*******************************
พระสมเด็จดำ (ผงถ่านแม่พิมพ์)
แบบ B-1.1
แม่พิมพ์ที่ชำรุดแตกหักนำไปเผาไฟ จนกลายเป็นถ่าน แล้วนำมาตำให้ละเอียดมาผสมกับผงวิเศษทั้ง ๕ มี (ผงปัตถมัง ผงอิธิเจ ผงตรีนิสิงเห ผงมหาราช และผงพุทธคุณ) แล้วนำมาผสมกับข้าวสุก และมวลสารอื่นๆ โดยใช้น้ำอ้อยเคี่ยวเป็นตัวประสานเนื้อ เมื่อพระแห้งดี จะออกสีดำ หรือสีดำอมเทา ถ้าพระองค์ใดผสมผงใบราณลงไปด้วยก็จะเกิดคราบไขขึ้นตามซอก พระเนื้อผงถ่านนี้มีจำนวนการสร้างไม่มากนัก ทำตามจำนวนแม่พิมพ์ที่ชำรุด พระเนื้อนี้ให้คุณทางเมตตา มหาอำนาจ แคล้วคลาด โดยเฉพาะคงกระพัน
พระสมเด็จดำ (ผงถ่านแม่พิมพ์) B-1.1 (ภาพประกอบ)
พระสมเด็จดำ (ผงถ่านแม่พิมพ์) B-1.1
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
(อกกระบอก) เนื้อผงใบลานเผา (ดำ)
แบบ B-2
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานเผา (ดำ) B-2
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานเผา (ดำ) B-2
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
เนื้อผงใบลานเผา (ดำ)
แบบ B-2.1
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานเผา (ดำ) B-2.1
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานเผา (ดำ) B-2.1
*******************************
เนื้อผงใบลานเผา
สมเด็จดำ ทรายทอง
แบบ B-3
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานเผา (ดำ) แร่ทรายทอง B-3
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานเผา (ดำ) แร่ทรายทอง B-3
*******************************
พระสมเด็จฯ
เนื้อผงใบลานเผา (สมเด็จดำ)
พิมพ์กลักไม้ขีด (ขนาดหนา) แบบ B-4
หน้า ๑๔๖ “หนังสือที่ท่านจารคืออักระเลขยันต์ทางพุทธาคม พอมากๆเข้าท่านก็หอบเอาใบลานที่จารเหล่านั้นมากองสุมไฟเสียคราวหนึ่งแล้วเก็บเอาขี้เถ้าใบลานเผานั้นไว้ ในตอนนั้นใครๆ เขาพากันว่าเจ้าพระคุณสมเด็จฯ บ้าเสียแล้ว แต่ท่านเก็บผงใบลานเผานั้นไว้บดผสมกับสิ่งอื่นๆ สร้างเป็นพระสมเด็จฯดำขึ้น และเจอผสมเนื้อขาวสร้าง พระสมเด็จฯ เนื้อขาว ขึ้นมากมาย แต่สมัยนั้นไม่ใคร่มีใครสนใจพระสมเด็จฯกันนัก เด็กที่มาช่วยตำผง ท่านก็แจกให้คนละองค์ พร้อมกับบอกว่า เอ้า! อ้ายหนู เอาพระไว้กันหมามันกัด”
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานเผา (ดำ) กลักไม้ขีด B-4
เนื้อผงใบลานเผา (ดำ) กลักไม้ขีด (ด้านข้าง หนากว่าปรกติ 2-3 เท่า) B-4
“พระสมเด็จฯ เนื้อผงใบลานเผาสีดำที่ท่านสร้างขึ้นนั้น โยมเล่าว่า พิมพ์ด้วยแม่พิมพ์หินมีดโกน พิมพ์ได้ครั้งละองค์ พิมพ์แล้วท่านก็ตากไว้ในกระด้ง พอแห้งดีแล้วท่านก็เก็บใส่ย่ามละว้าใหญ่ของท่าน แล้วเอาไว้แจกชาวบ้าน และที่เหลือไม่ทราบว่าท่านเอาไปไว้ที่ไหนหมด”
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานเผา (ดำ) กลักไม้ขีด B-4
*******************************
พระสมเด็จฯ
สมเด็จขาว พิมพ์กลักไม้ขีด (ขนาดหนา)
เนื้อผงพุทธคุณ แบบ B-5
สมเด็จขาว เนื้อผงพุทธคุณ กลักไม้ขีด B-5
เนื้อผงพุทธคุณ กลักไม้ขีด (ด้านข้าง หนากว่าปรกติ 2-3 เท่า) B-5
เนื้อผงพุทธคุณ กลักไม้ขีด B-5
*******************************
พระสมเด็จ
พิมพ์ใหญ่ เนื้อสีพิกุลแห้ง
แบบ C-1
ในหน้า 466 ในข้อ 12. เนื้อพระสีพิกุลแห้ง ( เมจกวรรณะ – Burnt siena white ) เป็นวรรณะที่กระเดียดมาทางน้ำตาลคล้ำอ่อน เจือด้วยวรรณะมอนวล จะมีผิวแป้งโรยพิมพ์นวลเป็นฝ้าบางๆ จับอยู่ภายนอก
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ ( เนื้อสีพิกุลแห้ง) C-1
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ ( เนื้อสีพิกุลแห้ง) C-1
*******************************
พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่
เนื้อกระแจะจันทร์ (หลังเรียบ)
แบบ D-1
หน้า 420 กล่าวถึงเนื้อกระแจะจันทร์ ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายคลึงกับเนื้อเกสรดอกไม้และก็มิได้หมายถึงเป็นเนื้อที่เตรียมมาจากแป้งกระแจะจันทร์ แต่เป็นเนื้อที่ค่อนข้างละเอียดและกอปรด้วยอิทธิวัสดุวรรณะหม่นคล้ำผสมอยู่มาก ทำนองลักษณะของแป้งกระแจะจันทร์ซึ่งปรุงด้วยผงไม้หอมหลากหลายชนิดจึงมีวรรณะหม่นคล้ำกว่าแป้งธรรมดา
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อกระแจะจันทร์ (หลังเรียบ) D-1)
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อกระแจะจันทร์ (หลังเรียบ) D-1 )
*******************************
พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่
เนื้อกระแจะจันทร์ (หลังสังขยา)
แบบ D-2
หน้า ๔๕๙ กล่าวถึง “ริ้วรอยธรรมชาติ” เป็นรอยย่นของผิวเนื้อโดยทั่วไปตลอดด้านหลัง ริ้วรอยเหล่านี้ค่อนข้างละเอียดและตื้น องค์พระที่ลงรักมาแต่เดิม ในขณะที่เนื้อพระยังไม่แห้งสนิท ครั้นเมื่อเนื้อยุบตัวแห้งสนิทจึงเกิดปฏิกิริยาโดยทั่วไปของผิวเนื้อ เป็นแรงดึงในการยุบตัวนั้น แต่เนื้อรักที่ฉาบผิวเนื้อแน่นอยู่ใช้เวลานานกว่าในการที่จะแห้งสนิท ดังนั้นจึงเกิดแรงดึงขึ้นโดยทั่วไปตามผิวเนื้อ และเกิดริ้วรอยธรรมชาติดังกล่าวขึ้น
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อกระแจะจันทร์ (หลังสังขยา) D-2
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ เนื้อกระแจะจันทร์ (หลังสังขยา) D-2
*******************************
พระสมเด็จ
พิมพ์ใหญ่ เนื้อแตกลายสังคโลก
แบบ E-1
หน้า ๔๑๓ กล่าวถึง การแตกลายสังคโลก เกิดจากการยุบตัวแห้งสนิทของเนื้อแต่ประการเดียว เป็นปฎิกริยาอันเกิดจากความแกร่งตัวของปูนขาวในเนื้อ ซึ่งแต่ก่อนถึงกับแตกรานเสียหาย ครั้นเมื่อได้ผสมน้ำมันตังอิวลงไปจึงช่วยคงสภาพไว้ได้ แต่ยังปรากฏปฏิกิริยาหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อยคือการแตกสลายสังคโลกนี้ ส่วนมากจะเป็นประเภทเนื้อหนึกแกร่ง เพราะการยุบตัวของปูนของมีมาก ประเภทเนื้อหนึกแกร่งจะกลายเป็นสังคโลกเป็นตารางหรือเกล็ดขนาดย่อมๆ ลักษณะคล้ายตารางสี่เหลี่ยมร่องเลขาค่อนข้างลึก การแตกลายสังคโลกคงปรากฏเฉพาะทางด้านหน้าเช่นเดียวกับการแตกลายงาเพราะเกิดจากปฏิกิริยาภายใน เนื่องจากการยุบตัวของเนื้อและสัณฐานลักษณะของด้านหน้าเช่นเดียวกัน
-
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ ( เนื้อแตกลายสังคโลก ) E-1
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ ยุคต้น ( เนื้อแตกลายสังคโลก ) E-1
*******************************
พระสมเด็จ พิมพ์ฐานแซม
ทรายทอง
แบบ F-2
หน้า ๔๐๔ กล่าวถึงการใช้แว่นขยายส่องดูเนื้อพระสมเด็จ จะปรากฏเกล็ดทรายทองทอประกายสะท้อนแสงวาบวับ บางองค์จะปรากฏเป็นเกล็ดสัณฐานเขื่อง ประมาณ 1 ใน 4 ของหัวเข็มหมุดขนาดย่อม
ด้านหน้าขององค์พระจะมีเนื้อแร่ทองกระจายอยู่ทั่ว F-2
ด้านหลังขององค์พระจะมีเนื้อแร่ทองกระจายอยู่ทั่ว F-2
*******************************
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่
ผงพุทธคุณทรายทอง
แบบ F 3
หน้า ๓๙๐ ว่า คือ ” ผงตะไบของแผ่นทอง ซึ่งลงอักขระเลขยันต์และสูตรต่างๆ ด้วยพระยันต์ ๑๐๘ ”แล้วนำมาผสมลงในเนื้อพระ จัดว่าเป็นอิทธิวัสดุ อีกทั้งเป็นสิ่งเพิ่มคุณค่าและความซึ้งของเนื้อขึ้นอีก
*******************************
พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่
(อกวี) เนื้อปูนแกร่ง
แบบ G-1
หน้า ๔๒๘ กล่าวถึง เนื้อที่กอปรด้วยมวลสารของปูนขาวมากที่สุดและมีความแกร่งจัดที่สุดด้วย ลักษณะของผิวเนื้อราบเรียบและหนาเป็นสภาพของผิวปูนขาวที่แข็งตัวจับกันแน่น เมื่อกลายจากของเหลวมาเป็นของเเข็ง ฉะนั้นจึงมีชื่อว่า “เนื้อปูนแกร่ง“
พระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ (เนื้อปูนแกร่ง) G-1)
ด้านหลังพระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ (เนื้อปูนแกร่ง) G-1
หน้า ๔๒๙ เนื้อปูนแกร่งเป็นเนื้อที่มีความแกร่งจัดที่สุด ความหนึกแกร่งสมบูรณ์ การแตกลายงาอย่างจัดและตารางเกล็ดขาวสะอาด ความซึ้งเกิดจากวรรณะอันขาวสะอาดและเงาสว่างสดใส การแตกลายสังคโลกชัดลึก
*******************************
*******************************
พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่
เนื้อขนมตุ้บตั้บ (กรอบกระจก)
แบบ G-3
หน้า ๔๒๖ กล่าวว่า เนื้อขนมตุ้บตั้บ ความหมายของนามเนื้อประเภทนี้ คงทำนองเดียวกับเนื้อกระยาสารท คือ หมายถึงเนื้อที่มีมวลสารค่อนข้างหยาบหรือคลุ้กเคล้ากันในลักษณะหยาบๆ ไม่สมัครสมานเข้ากันสนิท ทำให้เห็นลักษณะของเนื้อวัสดุหลายอย่างรวมกันอยู่เป็นหย่อมๆ ทำนองเดียวกันกับขนมตุ้บตั๊บซึ่งมีเนื้อหยาบเคล้าคละกัน ฉะนั้นจึงเรียกว่า “เนื้อขนมตุ้บตั้บ”
ความซึ้ง เป็นความซึ้งซึ่งเกิดจากกอนุภาควรรณะหม่นคล้ำของอิทธิวัสดุกับสารปูนขาวผสมเถ้าธูปวรรณะขาวขุ่นแกมเทาสวาทอ่อนคล้ายสีน้ำข้าวเจือเทาอ่อนรวมกันเป็นหย่อมๆ และลึกลงไปภายในเนื้อ และถ้าเป็นเนื้อแตกลายงาก็จะกลายเป็นความซึ้งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมักจะมีเมล็ดใบลานเผากระจายอยู่บางๆทั่วไป
*******************************
พระสมเด็จ
เนื้อขนมตุ้บตั้บ (เส้นใต้ตัก)
แบบ G-3.1
พระสมเด็จฯ เนื้อขนมตุ้บตั้บ (เส้นใต้ตัก) แบบ G-3.1
พระสมเด็จฯ เนื้อขนมตุ้บตั้บ (เส้นใต้ตัก) แบบ G-3.1
*******************************
พระสมเด็จ พิมพ์ฐานแซม
เนื้อขนมตุ๊บตั๊บ
แบบ H-1
๕) ความฉ่ำ เนื่องจากผิวเนื้วอแกกร่งและราบเรียบ มักจะเกิดเงาสว่างตามธรมชาติจากการสัมผัสเสียดสีต่างๆ จึงเป็นความฉ่ำที่สดใสของผิวเนื่องจากเงาสง่าง และเกิดมิติที่สามของเนื้ออีกด้วย
พระสมเด็จฯ พิมพ์ฐานแซม (เนื้อขนมตุ๊บตั๊บ) H-1
พระสมเด็จฯพิมพ์ฐานแซม (เนื้อขนมตุ๊บตั๊บ) H-1
*******************************
**************************
- แอดไลน์: @postchong.org
- โทร: 090-889-2520 หรือ 02-853-3818
- Facebook: สมเด็จวัดระฆัง ตามบันทึก “ตรียัมปวาย”
ช่องทางการชำระเงิน
- โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี มูลนิธิโพชฌงค์ธรรมสถาน ธนาคารกรุงไทย สาขาบิ๊กซี สายไหม
เลขบัญชีเลขที่ 982-9-99832-0
– แจ้งชื่อ และ ที่อยู่พร้อมส่งสำเนาใบฝากเงินธนาคารทาง
– มูลนิธิฯจะได้จัดส่งพระสมเด็จไปยังท่านภายใน ๓ วัน
หมายเหตุ : ค่าวัสดุภัณ์ พร้อมส่ง 100 บาท หรือ มารับด้วยตนเอง ณ ที่ทำการมูลนิธิฯ
- เก็บเงินปลายทาง
– แจ้งแบบพระ พร้อมชื่อ และที่อยู่ของท่าน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานบริหารมูลนิธิฯ โทร. 02-8533818 หรือ 090-8892520
หมายเหตุ พระสมเด็จฯแต่ละแบบจะมีจำนวนแบบละหลายๆองค์ สภาพพระไม่ผ่านการใช้ทุกองค์แต่ละองค์จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสภาพกาลเวลาและสิ่งแวดล้อมฯ
อ้างอิงจากหนังสือสมเด็จฯ ตำราพิจารณาพระสมเด็จฯ โดย ตรียัมปวาย หน้า ๑๔๕, ๑๔๖, ๑๖๐, ๑๖๑, ๑๗๒,๔๑๓, ๔๒๐, ๔๖๖
ข้อมูลจากเวปไซด์ข้างล่างที่ให้ความรู้เกี่ยวกับพระสมเด็จวัดระฆัง ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ศึกษาเรื่องพระเครื่องของท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เป็นดุลพินิจในการพิจารณาอีกทางหนึ่ง (ขอขอบคุณท่านเจ้าของเว็ปไซด์ และผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้)
หมายเหตุ กรุณาศึกษาข้อมูลจากเวปไซด์ และค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆที่ให้ความรู้เกี่ยวกับพระสมเด็จฯ และใช้ดุลพินิจส่วนตนในการพิจารณาก่อนตัดสินใจ
ชมโครงการอื่นๆเพิ่มเติม